กางแผนธุรกิจ “จิม ทอมป์สัน” ลุยสยายปีกสู่แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกแบรนด์แรกจากเอเชีย หลังเปิด “Jim Thompson Heritage Quarter” อาณาจักรไลฟ์สไตล์เต็มรูปแบบ
จิม ทอมป์สัน สร้างปรากฏการณ์ใหม่กับการเปิด Jim Thompson Heritage Quarter โฉมใหม่อย่างเต็มรูปแบบ ลุยขยายธุรกิจ ปั้น ‘แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกแบรนด์แรกจากเอเชีย’ กางแผนเสริมแกร่งกลุ่มธุรกิจหลัก ทั้งแฟชั่น ร้านอาหาร และสินค้าผ้าตกแต่งบ้าน เดินหน้าจับมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก ปักหมุดรักษาลูกค้าเดิม-ขยายฐานใหม่ต่อเนื่อง
กรุงเทพฯ 27 พฤศจิกายน 2566 — จิม ทอมป์สัน สร้างตำนานบทใหม่ให้วงการไลฟ์สไตล์เมืองไทย ทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ เปิดตัว Jim Thompson Heritage Quarter (จิม ทอมป์สัน เฮอริเทจ ควอเตอร์) อาณาจักรไลฟ์สไตล์โฉมใหม่เต็มรูปแบบที่ครบวงจรตอบโจทย์กิน-เที่ยว-ช้อป-ชิล พร้อมเผยกลยุทธ์และแผนธุรกิจเพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกแบรนด์แรกจากเอเชีย
Jim Thompson Heritage Quarter โฉมใหม่เป็นที่สุดแห่งแลนด์มาร์กทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว โดดเด่นด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบและร่มรื่นดั่งโอเอซิสใจกลางกรุงเทพฯ โดยไลฟ์สไตล์เดสติเนชันแห่งนี้ ประกอบไปด้วยที่เที่ยวและร้านอาหารมากมายพร้อมตอบสนองทุกความต้องการ ได้แก่ ‘พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน’ บ้านเรือนไทยทรงคุณค่าที่โด่งดังไปทั่วโลก นิทรรศการ ‘Museum About the Man’ บอกเล่าเรื่องราวชีวิตอันน่าทึ่งของจิม ทอมป์สัน นิทรรศการ The Evolving World of Jim Thompson Textiles สำรวจการเดินทางของผืนผ้าและความเป็นมาของลวดลายผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ The Iconic Store สโตร์ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายจากแบรนด์ พร้อมโซนอาหารและเครื่องดื่มใหม่ล่าสุดในดีไซน์สุดไอคอนิก ทั้ง ‘ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน’ ‘The O.S.S. Bar’ บาร์สุดฮิป ‘The O.S.S. Room’ ห้องชายามบ่าย‘Jim’s Terrace’ คาเฟ่สไตล์ไทย-ทาปาสริมระเบียงวิวบ้านไทยแสนงดงาม Silk Café คาเฟ่สวยในบรรยากาศร่มรื่น รวมถึง Moonlight Hall ห้องจัดอีเวนต์อเนกประสงค์ที่ตกแต่งอย่างงดงาม โดยสถานที่ทั้งหมดนี้ยังอยู่ใกล้กับ ‘Jim Thompson Art Center’ พื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์เพื่อคนรักศิลปะ
การเปิด Jim Thompson Thompson Heritage Quarter เต็มรูปแบบนับเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ในการตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกจากเอเชีย สอดรับกับวิสัยทัศน์ ‘Beyond Silk’ หรือการมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ก้าวไกลไปกว่าการเป็นแบรนด์ผ้าไหมไทย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแฟชั่น ธุรกิจสินค้าผ้าตกแต่งบ้าน ตลอดจนธุรกิจบริการและร้านอาหาร ซึ่งทั้งหมดนับเป็นการสานต่อวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง เจมส์ แฮร์ริสัน วิลสัน ทอมป์สัน สถาปนิกจากนิวยอร์กที่เคยเป็นทหารประจำสำนักงานด้านยุทธศาสตร์ (Office of Strategic Services — OSS หรือ CIA ในปัจจุบัน) ผู้หลงใหลศิลปะและผลักดันอุตสาหกรรมผ้าไหมไทยให้ก้าวไกลในเวทีระดับสากล จนได้รับการยกย่องให้เป็น ‘ราชาไหมไทย’
แฟรงก์ แคนเซลโลนี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด แบรนด์ จิม ทอมป์สัน กล่าวว่า “การเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของ Jim Thompson Heritage Quarter นับเป็นหมุดหมายสำคัญบนเส้นทางสู่การเป็นแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกแบรนด์แรกของเอเชีย ที่นี่ถือเป็นเดสติเนชันที่มีความสำคัญในเชิงศิลปวัฒนธรรมทั้งยังมอบบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์โลฟ์สไตล์อย่างครบวงจร แผนธุรกิจของเราผสมผสานการเชิดชูวัฒนธรรมเข้ากับโอบรับความทันสมัยและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ทิศทางการขยายธุรกิจของเราจึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของการรักษาไว้ซึ่งจิตวิญญาณของผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการนำศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของเอเชียสู่เวทีโลก เราจะเดินหน้าปั้นแบรนด์สุดไอคอนิกในแบบของ จิม ทอมป์สัน นั่นคือการนำเสนอมรดกอันทรงคุณค่าจากไทยที่เข้าถึงคนทั่วโลก พร้อมไปกับการคิดค้นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน”
นอกจากจะมีโรงงานผลิตสินค้า 3 แห่งในประเทศไทยแล้ว จิม ทอมป์สันยังขยายธุรกิจให้สอดรับดีมานด์ของลูกค้าต่างชาติมาโดยตลอด โดยปัจจุบัน จิม ทอมป์สัน มีสโตร์ โชว์รูมสินค้าผ้าตกแต่งบ้าน บริษัทตัวแทนจำหน่าย และร้านอาหารอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ที่ประเทศไทย ไลฟ์สไตล์เดสติเนชันชั้นนำอย่าง Jim Thompson Heritage Quarter โฉมใหม่ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรชื่อดังที่คนไทยและชาวต่างชาติมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย ‘พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน’ ติดโผ 5 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ โดย ‘TripAdvisor Travelers’ Choice Award 2022’ โดยทุก ๆ ปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกกว่า 320,000 คนเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาชมความงดงามของพิพิธภัณฑ์มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อเมริกา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี
หนึ่งในกลยุทธ์การปั้นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกของจิม ทอมป์สัน คือการคอลแลบกับพาร์ทเนอร์ธุรกิจชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น Panpuri Wellness, การบินไทย, ศิลปินร่วมสมัยและดีไซเนอร์ชื่อดังเมืองไทย พร้อมทั้งเตรียมจับมือกับแบรนด์ระดับโลกเพื่อขยายฐานลูกค้าทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จิม ทอมป์สัน เปิดสโตร์โฉมใหม่ในเมืองท่องเที่ยวมากมาย อาทิ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่
ธุรกิจแฟชั่น
กลุ่มธุรกิจแฟชั่นของจิม ทอมป์สัน เป็นธุรกิจที่มีชื่อเสียงทั้งในแง่คุณภาพระดับเวิลด์คลาสและความสวยงามน่าสวมใส่ของคอลเลกชันต่างๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทยและชาวต่างชาติทั่วโลก ทั้งเสื้อผ้าแบบเรดี้ทูแวร์ ตลอดจนเครื่องประดับ และกระเป๋าหลากหลายสไตล์ ผ่านซิกเนเจอร์คอลเลกชัน คอลเลกชันประจำฤดูกาล ซีรีส์ ‘Artists-in-Residence’ หรือคอลเลกชันเอ็กซ์คลูซีฟต่างๆ นอกจากลูกค้าต่างชาติแล้ว ธุรกิจแฟชั่นของจิม ทอมป์สัน ยังเจาะกลุ่มคนไทยที่ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้สินค้าที่เปี่ยมคุณภาพภายใต้กระบวนการผลิตที่ยั่งยืน โดยจิม ทอมป์สัน เตรียมพัฒนาเว็บไซต์แยกสำหรับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ในตลาดสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง เพื่อเสริมแกร่งยอดขาย พร้อมจับมือกับ King Power เพื่อเปิดสโตร์ใหม่ในคิงเพาเวอร์ ภูเก็ตและสนามบินดอนเมือง นอกจากนี้ แบรนด์ยังเตรียมยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งด้วยการเปิด ‘ไลฟ์ไตล์สโตร์’ อันกว้างขวางในสไตล์ดูเพล็กซ์ ในเมกะโปรเจ็กต์ระดับโลกอย่าง One Bangkok ปัจจุบัน จิม ทอมป์สัน มีสโตร์ทั้งสิ้น 25 แห่งในประเทศไทย โดยสินค้ายอดนิยมของแบรนด์ ได้แก่ เสื้อผ้าเรดี้ทูแวร์ ผ้าพันคอ กระเป๋า และเครื่องประดับ ไอเทมทุกชิ้นของแบรนด์รังสรรค์ขึ้นจากทั้งผ้าไหมและวัสดุคุณภาพสูงอื่นๆ ในดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า
ธุรกิจร้านอาหาร
จิม ทอมป์สัน ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง นำเสนอรสชาติอาหารไทยต้นตำรับพร้อมใส่ทวิสต์ในสไตล์ร่วมสมัยท่ามกลางบรรยากาศหรือไวบ์การตกแต่งที่ตระการตาเปี่ยมเรื่องราวและบริการระดับเวิลด์คลาสจากประสบการณ์อันยาวนานในแวดวงอาหารและเครื่องดื่ม โดยจิม ทอมป์สัน เตรียมเปิดร้าน Jim’s Terrace ที่ One Bangkok และเตรียมขยายสาขา Jim Thompson, A Thai Restaurant x The O.S.S. Bar ในคอนเซ็ปต์ร้านอาหารและบาร์ในภูมิภาคเอเชียเร็วๆ นี้
ธุรกิจสินค้าผ้าตกแต่งบ้าน
อีกหนึ่งธุรกิจหลักคือกลุ่มธุรกิจสินค้าผ้าตกแต่งบ้านของจิม ทอมป์สัน นำเสนอผ้าตกแต่งคุณภาพสูงและการออกแบบลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ กระบวนการผลิตขั้นสูงตอบโจทย์การใช้งานหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นผ้าทออันประณีตบรรจง ผ้าที่มีคุณสมบัติเส้นใยพิเศษตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งาน ผ้าตกแต่งผนัง ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ และผ้าปักประเภทต่างๆ เพื่อการอยู่อาศัยอันเหนือระดับ โดย 35% ของโรงแรมชั้นนำระดับโลกในลิสต์ The World’s 50 Best Hotels เลือกใช้สินค้าผ้าตกแต่งของจิม ทอมป์สัน อาทิ แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ, เดอะ สยาม, โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ, เชอวัล บลังก์ ปารีส, ปาร์ก ไฮแอท ว็องโดม ปารีส, เดอะ ซาวอย ลอนดอน, คาเปลลา สิงคโปร์, ปาร์ก ไฮแอท มิลาน, อามันโซ กรีซ และวันแอนด์โอลี่ แมนดารินา เม็กซิโก โดยจิม ทอมป์สัน มีโชว์รูมสินค้าผ้าตกแต่งบ้านในเมืองใหญ่มากมาย ได้แก่ กรุงเทพฯ ลอนดอน แอตแลนตา นิวยอร์ก และปารีส
จิม ทอมป์สัน มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าผ้าตกแต่งของจิม ทอมป์สันอยู่ในกว่า 60 ประเทศ รวมถึงได้ก่อตั้งบริษัทในเครือในต่างแดนถึง 2 แห่ง ได้แก่ Jim Thompson US ก่อตั้งขึ้นในปี 2554 และ Jim Thompson UK ก่อตั้งในปี 2558 สำหรับในทวีปอเมริกาเหนือ แบรนด์จิม ทอมป์สันมีโชวรูมทั้งสิ้น 22 แห่ง นอกจากนี้ในยุโรป ยังมีการจัดจำหน่ายผ้าอยู่ใน 28 ประเทศ จิม ทอมป์สัน กำลังเดินหน้าขยายธุรกิจผ้าตกแต่งในเอเชียและตะวันออกกลาง
จิม ทอมป์สัน ยังได้เผยแผนการในระยะยาวและการขยายธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจรวมถึง Jim Thompson Hotel, ธุรกิจของใช้ในบ้านภายใต้ชื่อ ‘Maison Jim Thompson,’ มินิซีรีส์นำเสนอประวัติชีวิตของจิม ทอมป์สัน ตลอดจนคอนเซ็ปต์สโตร์ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการตอกย้ำการก้าวสู่การเป็นแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ชั้นนำจากเอเชีย ที่มอบประสบการณ์สุดพิเศษอันผสานมรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยในแบบที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้